สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ได้มีโอกาสฟังท่านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นขอบและอนุมัติ มาตรฐานการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลบางกรณี ตามที่กระทรวงการคลังได้มีการขออนุมัติ
เนื่องจากพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 39) พ.ศ. 2557 ได้กำหนดให้ยกเลิกมาตรา 42(14) เรื่องการยกเลิกการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินส่วนแบ่งกำไรจากการประกอบกิจการของห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล กล่าวคือ “เมื่อมีเงินได้สำหรับเงินส่วนแบ่งกำไรให้ผู้เป็นหุ้นส่วนสามัญหรือบุคคลในคณะบุคคลนำเงินได้นั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผลกระทบกับห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลบางส่วนที่ไม่ได้มีเจตนารวมกันเพื่อประกอบกิจการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมที่ได้มากจากมรดก หรือได้รับจากการให้โดยเสน่หา ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลในคณะบุคคลฯ มิได้มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมกันเพื่อประกอบกิจการตั้งแต่แรกเริ่ม
การเปิดบัญชีเงินฝากร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างเครือญาติ ส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อความสะดวกในการเบิกเงิน ถอนเงิน หรือเพื่อชำระค่าสาธารณูปโภค รวมถึงการเปิดบัญชีร่วมกันในกรณีอื่น ๆ ที่มิได้มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมประกอบกิจการ เช่น การเปิดบัญชีเงินสดย่อยของนิสิต นักศึกษมหาวิทยาลัย
สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายที่กระทรวงการคลังได้มีการขออนุมัติ เพื่อออกเป็นร่างกฎกระทรวง ประกอบไปด้วย
กำหนดยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ ดังต่อไปนี้
เงินส่วนแบ่งของกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ซึ่งเป็นเงินได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิร่วม อันได้มาโดยทางมรดกหรือได้รับมาจากการให้โดยเสน่หา ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ตามส่วน 2 หมวด 3 ลักษณะ 2 แห่งประมวรัษฎากร
เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งเป็นดอกเบี้ยเงินฝาก และถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ดังกล่าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้คืน หรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
กำหนดให้ร่างกฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป
สำหรับท่านผู้อ่านที่มีเงินได้จากเหตุการณ์ลักษณะนี้ ก็น่าจะสบายใจและหมดห่วงได้ครับ รอแค่ออกเป็นกฎกระทรวงออกมาเท่านั้น ครั้งนี้ต้องลาไปก่อนรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ สวัสดีครับ |
- ผู้เขียน - |