พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมครม.และคสช.ว่า ได้หารือคำสั่งต่างๆ โดยเฉพาะการดำเนินการเกี่ยวกับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่กำลังรอร่างพ.ร.บ.ซึ่งกำลังพิจารณาในรัฐสภา แต่ในทางปฏิบัติก็หารือกันว่าต้องหาวิธีการให้การทำงานเป็นไปรวดเร็วขึ้น จำเป็นต้องใช้ มาตรา 44 บางประเด็น เพื่อให้เกิดการทำงานคู่ขนานไปให้ได้ภายใต้เวลาจำกัด ในเรื่องการลงทุนหลายประเทศก็ปรับปรุงพัฒนาส่งเสริมการลงทุนมากมาย เราเองก็ต้องเร่งพัฒนาเรื่องเหล่านี้
นอกจากนี้มีประเด็นรับฟังความเห็นประชาชน ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ที่มีบางคนไม่สะดวกรับเบี้ยประกัน ทางสปสช. และกองทุนประกันสังคม จึงได้เห็นชอบว่าจะมีคำสั่งให้สามารถเลือกได้แล้วแต่สะดวกว่าจะเลือกใช้สปสช. หรือกองทุนประกันสังคม ก็ได้ โดยเลือกสถานที่ใกล้บ้าน แล้วแต่ความสมัครใจ โดยใช้เวลา 1 ปี ก็สามารถเปลี่ยนได้ และต้องดูว่าความต้องการประชานเป็นอย่างไรด้วย
ส่วนข่าวกองทุนประกันสังคมจะขอเก็บเงินเข้ากองทุนสูงสุด 1,000 บาทนั้น รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น เป็นการเตรียมการ หารือกันมานานแล้วกว่า 15 ปี ก็กำลังหาทางทำให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น เห็นมีข่าวว่าจะเก็บเงินเพิ่ม ตนยืนยันว่ายังไม่ได้ทำอะไร บางอย่างมีคนพูดไปก่อนสร้างความตกใจ รัฐบาลไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร รับฟังทุกปัญหา แต่จะแก้ปัญหาได้มากบ้างน้อยมากก็ว่ากันไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นมาตรา 44 จะจัดสร้างสถาบันวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ายมาอยู่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อบูรณาการให้ได้ทั้งระบบ ขณะเดียวกันจะจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการน้ำ ให้เข้ามาอยู่ในสำนักนายกฯด้วย เพื่อบริหารแผนงานทั้งวงจรทั้งระบบ หน่วยงานที่รับผิดชอบข้างล่างมีอยู่แล้ว
ขอขอบคุณที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์