ลดภาษีจูงใจคนปั๊มลูก เพิ่มลดหย่อนบุตรคนที่ 2 – ค่าฝากครรภ์คลอดลูกเกิดปี 61

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

      รัฐบาลใช้มาตรการภาษีจูงใจคนมีลูก หลังพบอัตราการเกิดลด ให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสนำค่าฝากครรภ์-คลอดบุตรหักลดหย่อนคำนวณภาษีสำหรับการคลอดบุตรไม่เกิน 6 หมื่นบาทต่อปี เริ่ม 1 ม.ค.61 เป็นต้นไป พร้อมปรับเพิ่มค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 ที่กิดปี 61 เป็นต้นไป

 

     วันนี้(16 ม.ค.) นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบมาตรการทางภาษี เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีบุตร จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ หลังจากพบว่าอัตราการเกิดของคนไทยลดลง และจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าปี 2579 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด หรือมีผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด

 

     สาระสำคัญของมาตรการดังกล่าว เป็นการปรับเพิ่มค่าลดหย่อนบุตรตั้งแต่คนที่ 2 เป็นต้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 เพิ่มขึ้นอีก 30,000 บาทต่อคนต่อปีภาษี และการออกประกาศร่างกฎกระทรวง ให้มีการนำค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร ลดหย่อนการคำนวณภาษี ตามจำนวนจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 6 หมื่นบาทต่อปี คาดว่ามาตรการดังกล่าวนี้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 2,500 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าหักลดหย่อนการมีบุตรคนที่ 2 จำนวน 1,500 ล้านบาท และค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร จำนวน 1 พันล้านบาท

 

     สำหรับร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสสามารถนำค่าฝากครรภ์หรือค่าคลอดบุตรไปหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริงสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราว แต่ไม่เกิน 60,000 บาท หากการจ่ายค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรเกิน 1 ปีภาษีสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราว ให้หักลดหย่อนตามจำนวนที่จ่ายจริงในแต่ละปีภาษี แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 60,000 บาท ทั้งนี้ สำหรับค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด โดยสิทธิในการหักลดหย่อนสำหรับค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรข้างต้น ให้เฉพาะผู้ที่ไม่ได้มีการเบิกค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์และคลอดบุตรจากแหล่งอื่นๆ เช่น สิทธิประกันสังคม สิทธิข้าราชการ เป็นต้น ซึ่งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังกล่าวจะเป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

 

 

ขอขอบคุณที่มา : ผู้จัดการออนไลน์