สะพัด! ล็อกซเล่ย์จ่อถอนฟ้องแน่! รับลูก กม.หวยฉบับใหม่

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

 

       

วันนี้ (12 มี.ค.) มีรายงานว่า ผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเตรียมเข้าพบผู้บริหารบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ผ่านร่างแก้ไข พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล

       

การหารือครั้งนี้ทำให้บริษัท ล็อกซเล่ย์ มีความหวังในการกลับมาดำเนินการในเรื่องหวยออนไลน์อีกครั้ง เพราะบริษัทได้รับเซ็นสัญญาที่จะจัดหาเครื่องและระบบการขายหวยออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2548 แต่จนขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

       

“จะมีการเจรจาและอาจมีการตกลงจนเป็นที่น่าพอใจ เชื่อว่าบริษัทฯ ก็พร้อมที่จะถอนฟ้อง ในคดีที่บริษัทฟ้องร้องต่อศาลปกครองให้สำนักงานสลากฯ ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัท ซึ่งได้ยื่นฟ้องต่อศาลไปตั้งแต่ปี 2554 ขณะนี้การฟ้องร้องอยู่ในการดำเนินการของศาล” รายงานข่าวระบุ

       

มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้บริษัท ล็อกซเล่ย์ ได้มีการติดตั้งเครื่องขายหวยออนไลน์ไปแล้วประมาณ 6,000 เครื่อง มีความพร้อมที่จะใช้งานได้ประมาณ 60-70% อาจจะมีการซ่อมแซม และปรับปรุงซอฟต์แวร์ใหม่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

       

ทั้งนี้ บมจ.ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เรียกร้องค่าเสียหาย 5-6 พันล้านบาทจากสำนักงานสลากฯ กรณีที่ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายจากความล่าช้าของโครงการหวยออนไลน์ โดยศาลรับฟ้องตั้งแต่เดือน เม.ย. 2554

       

ก่อนหน้านั้น นายตรีจักร ตันฑ์ศุภศิริ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด บริษัทในกลุ่ม บมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) เคยบอกว่าจากการหารือกับผู้ถือหุ้นต่างชาติเห็นด้วยที่จะให้บริษัทฟ้องร้องรัฐบาลหากมีการยกเลิกสัญญาการจำหน่ายเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวด้วยเครื่องอัตโนมัติ (หวยออนไลน์) ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ โดยขณะนี้เท่าที่ประเมินความเสียหายเบื้องต้นน่าจะมีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านบาท

       

วานนี้ (11 มี.ค.) นายเฉลิมโชค ล่ำซำ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY กล่าวว่า จะสามารถเริ่มเดินเครื่องขายตู้สลากกินแบ่งรัฐบาล (หวยออนไลน์) ได้ในช่วงปลายปีนี้ หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้แก้ไข พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

       

“ล่าสุดบริษัทฯ ได้แจ้งความจำนงไปยังกองสลากแล้ว เพื่อขอเข้าหารือในรายละเอียดการแก้ไขว่าจะมีการปรับปรุงเกณฑ์ใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งตามสัญญาเดิมบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากตู้สลากใบละ 0.75 บาท”

       

ขณะที่ปัจจุบันมีเครื่องที่พร้อมดำเนินการ 6,000 เครื่อง โดยมีระยะเวลาสัญญา 8 ปี นับตั้งแต่วันเริ่มขายวันแรก ส่วนคดีฟ้องร้องต่างๆ ที่เกิดจากความล่าช้าในการเริ่มดำเนินการ บริษัทฯ พร้อมจะถอนฟ้องทันที หากสามารถเริ่มดำเนินการเรื่องตู้ขายสลากได้ ส่วนความเสียหายที่เกิดจากความล่าช้าน่าจะมีการต่อรองกันได้ ซึ่งต้องไปเจรจาในรายละเอียดกันอีกครั้ง

       

“เครื่องจำหน่ายสลากฯ ปีนี้น่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงเดือน พ.ย. ถึง ธ.ค. โดยน่าจะยังสร้างรายได้ที่มีนัยสำคัญมากนัก โดยสัญญาเดิมเรามีอายุ 8 ปี ซึ่งยังใช้สัญญาฉบับเดิมได้อยู่ โดยในสัญญาดังกล่าวบริษัทฯ ต้องติดตั้งเครื่องจำหน่ายสลาก 1.2 หมื่นเครื่อง ได้ทำการติดตั้งไปแล้ว 6,000 เครื่อง หากการแก้ไข พ.ร.บ. แล้วเสร็จ บริษัทก็พร้อมจะปรบปรุงและพัฒนาระบบให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ และเริ่มดำเนินการได้ทันที โดยตอนนี้เราได้มีการนัดทางหน่วยงานราชการแล้ว เพื่อเข้าขอทราบรายละเอียดต่างๆ ที่จะมีการปรับปรุงแก้ไข โดยน่าจะมีการพูดคุยกันเกิดขึ้นเร็วๆ นี้” นายเฉลิมโชคกล่าว

       

ทั้งนี้ คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทฯ ในปีหน้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะจะมีการรับรู้จากตู้สลากเต็มปี รวมถึงจะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน

       

ด้านนายอำนวยพร เกิดพุ่ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสำนักงานสลากฯ ยอมรับว่า การแก้กฎหมายมาเป็นสลากออนไลน์ 6 หลัก ซื้อผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ถือว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของชาวบ้านที่ต้องการซื้อหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว

       

“สู้กับหวยใต้ดิน ควรจะออกรางวัลหวยออนไลน์ 2 ตัว 3 ตัว ช่วงแรกอาจจะคุมปัญหาสลากเกินราคา เพราะขายผ่านเครื่อง แต่กังวลว่าหากมีเลขดังในแต่ละงวด มีบางคนซื้อเลขดังจนหมดตู้แล้วนำมาขายข้างนอกราคาสูงขึ้นก็อาจเกิดปัญหาการขายสลากนอกตู้เกินกว่าราคาในตู้ออนไลน์”

       

นอกจากนี้ ควรกำหนดให้ชัดเจนเกี่ยวกับการซื้อสลาก 6 ตัวออนไลน์ เพราะหากปล่อยให้ทุกคนซื้อเลขดังแบบไม่อั้นจะทำให้เกิดปัญหาการซื้อจากเครื่องจำนวนมากในเลขที่ทุกคนต้องการ ทำให้ต้องจ่ายรางวัลน้อยลง เช่น เลขท้าย 2 ตัว รางวัล 2,000 บาท หากประชาชนแห่ซื้อจำนวนมากจะทำให้รางวัลลดลง

 

ที่มา :  ASTVผู้จัดการออนไลน์