ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบยุทธศาสตร์โครงสร้างการเกษตรระยะ 5 ปี

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

 

 

          นายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) เป็นประธาน ได้เห็นชอบยุทธศาสตร์โครงสร้างทางการเกษตร ระยะ 5 ปี (58-63) วงเงิน 35,000 ล้านบาท โดยกู้เงินจาก ธ.ก.ส. 20,000 ล้านบาท และใช้งบกลางปี58 วงเงิน 1,800 ล้านบาท เพื่อเน้นช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มผลผลิต เพื่อใช้ในด้านต่างๆ

 

          อาทิ การแก้ปัญหายางพาราที่ยังประสบปัญหาราคาตกต่ำ โดยตั้งเป้าหมายลดพื้นที่การปลูกยาง1-2ล้านไร่ ต่อปี จากปัจจุบันดำเนินการอยู่ 4 แสนไร่ต่อปี เพื่อส่งเสริมให้ชาวสวนยางปลูกปาล์ม และพืชชนิดอื่น โดยธกส. พร้อมปล่อยกู้ การปลูกพืชชนิดอื่น เมื่อลดปริมาณต้นยางจะทำให้ราคาปรับสูงขึ้นอีก 6 ปีข้างหน้า รวมถึงแผนส่งเสริมนำยางพารามาใช้สร้างถนน สนามกีฬาและอุตสาหกรรมอื่น หรือทดลองใช้ในระบบปศุสัตว์ เพื่อนำยางพาราคาไปใช้ด้านอื่นได้ประมาณ 8 พันตันต่อปี

 

          และยังมีนโยบายให้ตลาดกลางของสำนักงานสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) รับซื้อยางแผ่นรมควันในราคานำตลาดจากเกษตรกร แต่ยอมรับว่าไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางได้อย่างทั่วถึง ทำให้ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกร เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้ผลิตยางรมควัน โดยสามารถช่วยรับซื้อได้เพียง 2 แสนตันจากทั้งหมด 4 ล้านตัน โดยใช้งบประมาณ10,000 ล้านบาท

 

          นอกจากนี้ยังเห็นชอบแนวทาง แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ซึ่งเป็นหนี้สมาชิกกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรจำนวน 26,742 ราย และองค์กรเกษตรกรอีกจำนวน 1,082 แห่ง มูลหนี้ 4,556 ล้านบาท สำหรับผู้มีปัญหานี้จาก 10 เงื่อนไข ทั้งภัยธรรมชาติ ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ หนี้ค้างชำระเกิน 10 ปี มูลหนี้ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท โดยเฉพาะหนี้ตำกว่า 5 ล้านบาท กระทรวงการคลังจะอนุมัติตัดหนี้สูญให้ และหากมูลหนี้เกินกว่า 5 ล้านบาท โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหารือร่วมกันเพื่อเติมและนำกลับมาเสนอ ครม.พิจารณา และต้องหาแนวทางส่งเสริมรายได้เกษตรกร โดยขณะนี้ ทีดีอาร์ไอกำลังศึกษา เพราะหากเป็นหนี้สะสมในภาคครัวเรือนจะต้องใช้เวลาปลูกพืชและหาอาชีพเสริม 3 ปี จึงชำระหนี้ได้หมด

 

            ที่ประชุมจึงสั่งการให้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ ขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้ทั้งหมดทุกลุ่มทั่วประเทศ เพื่อดูว่าชาวบ้านประกอบอาชีพแต่ละกลุ่มสัดส่วนเท่าใด มีรายได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากพบว่าเกษตรกรมีรายได้จากอาชีพเสริมอื่นสัดส่วนร้อยละ 40-50 ของรายได้ทางการเกษตร เพื่อเป็นข้อมูลให้กับรัฐบาลในการช่วยเหลือของรัฐบาล

 

            ทั้งนี้ที่ประชุมยังเร่งให้  เดินหน้าการจดทะเบียนแรงงานประมงที่ผิดกฏหมาย ตามระเบียบของ  ไอยูยู  รวมถึงให้เรือประมงทุกลำทำสัญญากับแรงงานประมง แต่ยอมรับว่าไม่ค่อยได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร  สำหรับเรื่องนี้จะมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่2เมษายนนี้.

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย