นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ตามที่กรมสรรพากรได้มีการแก้ไขกฎหมายโดยการตราพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 39) พ.ศ.2557 ปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแนวทางปฏิบัติจัดเก็บจากดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากร่วมกันที่ได้รับจากธนาคาร ทำให้สมาคมธนาคารไทยมีความเข้าใจว่าการเปิดบัญชีเงินฝากร่วมกันทุกกรณีจะเข้าลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หากมีการแบ่งดอกเบี้ยที่ได้รับ ผู้รับจะต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกครั้ง โดยที่สมาคมธนาคารไทยได้มีหนังสือถึงธนาคารที่เป็นสมาชิกให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับลูกค้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวนั้น

          กรมสรรพากรขอชี้แจงว่ากรณีการฝากเงินที่เป็นบัญชีเงินฝากร่วมกัน โดยมีเจตนาที่จะเป็นการออมภายในครอบครัว เช่น พ่อและหรือแม่ฝากเงินเพื่อลูก ดอกเบี้ยที่ได้รับสามารถเลือกใช้สิทธิถูกหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 โดยไม่ต้องนำมารวมคำนวณในแบบแสดงรายการภาษีปลายปี และดอกเบี้ยที่ลูกได้รับไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกครั้ง ส่วนกรณีการฝากเงินที่เป็นบัญชีเงินฝากร่วมกันของสามีและภรรยา จะไม่เข้าลักษณะเป็นการเสียภาษีในรูปห้างหุ้นส่วนสามัญ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจะถือเป็นเงินได้ของสามีหรือภรรยาก็ได้ และสามารถเลือกใช้สิทธิถูกหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 โดยไม่ต้องนำมารวมคำนวณในแบบแสดงรายการภาษีปลายปี และดอกเบี้ยที่ได้รับไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน 

          สำหรับกรณีการฝากเงินที่เป็นบัญชีเงินฝากร่วมกันลักษณะอื่น ๆ เช่น นำเงินไปฝากร่วมกับบุคคลอื่น จะเข้าลักษณะเป็นการเสียภาษีในรูปห้างหุ้นส่วนสามัญ ทั้งนี้ ห้างหุ้นส่วนสามัญสามารถเลือกใช้สิทธิถูกหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 โดยไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีในแบบแสดงรายการภาษีปลายปี แต่เมื่อมีการแบ่งดอกเบี้ยที่ได้รับ หุ้นส่วนแต่ละคนจะต้องนำไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกครั้งหนึ่ง หากเป็นกรณีการแบ่งเงินต้นที่ฝากจะไม่ใช่เงินได้พึ่งประเมินที่ต้องนำไปเสียภาษีเงินได้ และกรณีห้างหุ้นส่วนสามัญเลือกใช้สิทธิถูกหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 และไม่นำมารวมคำนวณภาษีในแบบแสดงรายการภาษีปลายปี ห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น ไม่ต้องจัดทำบัญชีแสดงรายได้และรายจ่ายของห้างหุ้นส่วนสามัญ เพื่อยื่นต่อกรมสรรพากรแต่อย่างใด

          อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรขอให้สมาคมธนาคารไทยทำความเข้าใจต่อสมาชิกของสมาคมฯ เพื่อขอให้ทำการประชาสัมพันธ์ให้กับลูกค้าของธนาคารได้ทราบต่อไป.

ที่มา : สำนักข่าวไทย