นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก เปิดเผยว่า ขณะนี้ กกพ.กำลังประชุมกับ บมจ.ปตท. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการดูถึงตัวเลขการใช้ไฟฟ้าและต้นทุนทุกด้าน เบื้องต้นพบว่าราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งมาทั้งจากการนำเข้าแอลเอ็นจี เมียนมาร์และก๊าซในประเทศแม้จะปรับลดลง แต่ก็ไม่ได้ลดในอัตราสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนค่าเอฟทีงวดที่แล้ว

           นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค้างจ่ายอัตราสูง เพราะมีการประมาณการการใช้ไฟฟ้าคลาดเคลื่อน ซึ่งอาจจะมาจากภาวะเศรษฐกิจ ภาวะส่งออกที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าต่ำกว่าประมาณการณ์ เบื้องต้นคาดว่าค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดใหม่ (พ.ค.- ส.ค.) จะลดต่ำกว่า 5 สตางค์/หน่วย แต่จะไม่ถึง 10 สตางค์/หน่วย โดยอนุเอฟทีจะประชุมวันที่ 20 เมษายนนี้ และเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กกพ.วันที่ 22 เมษายนก่อนที่จะเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนผ่านเว็บไซต์ ของ กกพ.ต่อไป

           นายวีระพล กล่าวถึงโครงการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า (Demand Response) ครั้งที่ 1/2558 เพื่อบริหารความต้องการใช้กำลังไฟฟ้าในช่วงเหตุการณ์แหล่งก๊าซยาดานาและซอติก้าหยุดผลิต ในช่วงวันที่ 10 – 27 เมษายน 2558 มีภาคเอกชนจากทั่วประเทศสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการรวมกว่า 800 ราย โดยมียอดเสนอลดใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 660 เมกะวัตต์ เกินเป้าหมายครั้งนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 500 เมกะวัตต์และกำหนดปริมาณรับสมัครไว้ที่ 700 เมกะวัตต์

            "ได้รับความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และ Hypermart หลายแห่ง เช่น กลุ่มเซ็นทรัล เดอะมอลล์ กลุ่มเอสซีจี กลุ่มโตโยต้า และอื่น ๆ อีกมาก ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจ Demand Response การลดกำลังการใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้สามารถใช้มาตรการ Demand Response ได้จริงเมื่อระบบไฟฟ้าประสบภาวะต้นทุนสูงหรือภาวะวิกฤติในอนาคต” นายวีระพล กล่าว

            สำหรับคาบเวลาการดำเนินมาตรการ Demand Response ครั้งนี้ คือ 10.00 – 12.00 น. 14.00 – 17.00 น. และ 19.00 – 22 .00 น. ของวันที่ 10 ,17 ,18 และ 20 ของเดือนเมษายน 2558 อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประชาชนก็สามารถที่จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่ระบบไฟฟ้ามีความเสี่ยงด้านความมั่นคงในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีได้เช่นกัน.

ที่มา : สำนักข่าวไทย