ธ.ก.ส.เดินหน้าโครงการประกันภัยข้าวนาปี 58

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

ข่าวสารด้านบัญชีและภาษีอากร

 

          นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 ที่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ ธ.ก.ส.เป็นผู้บริหารโครงการและตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยเอกชน ว่า ให้ ธ.ก.ส.ทดลองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาล โดยรัฐบาลจะตั้งงบประมาณจ่ายในส่วนเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยดังกล่าวที่จ่ายจริง รวมทั้งค่าชดเชยต้นทุนเงินให้กับ ธ.ก.ส.ปีงบประมาณถัดไปวงเงิน 476 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังให้ ธ.ก.ส.สมทบค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการไร่ละ 10 บาท โดยใช้เงินจากเงินกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ ซึ่ง ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินการในฤดูเพาะปลูกเดือนพฤษภาคมนี้

 

          สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปี 2558 ครอบคลุมภัยธรรมชาติ 7 ประเภท ได้แก่ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย รวมทั้งภัยศัตรูพืชและโรคระบาด มีการแบ่งพื้นที่การรับประกันภัยออกเป็น 5 พื้นที่ตามระดับความเสี่ยง เพื่อจัดเก็บเบี้ยประกันภัยอัตราที่แตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงของพื้นที่ตั้งแต่ 124.12 -483.64 บาท โดยเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับภาระค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 60 – 100 บาทต่อไร่ และรัฐอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยในส่วนที่เหลือ 64.12 – 383.64 บาทต่อไร่

 

          ทั้งนี้ ภาคเอกชนเป็นผู้รับประกันภัยวงเงินคุ้มครอง 1,111 บาทต่อไร่ ตลอดช่วงการเพาะปลูกสำหรับภัยธรรมชาติ 6 ประเภท วงเงินคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่ สำหรับภัยศัตรูพืชและโรคระบาด จ่ายสินไหมทดแทนใช้เกณฑ์การประเมินความเสียหายที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการปี 2554 -2557 โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายกรอบการเอาประกันภัยทั่วประเทศ 1.5 ล้านไร่ การดำเนินโครงการเริ่มขายกรมธรรม์ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม – 14 สิงหาคม 2558 สำหรับทุกภาค ยกเว้นภาคใต้จะสิ้นสุดการรับทำประกันภัยวันที่ 11 ธันวาคม 2558

 

          สำหรับกิจกรรมวันเปิดตัวโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 จัดขึ้นที่โรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงาน มีเกษตรกรมาเข้าร่วมงานกว่า 500 คน.  

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย