ที่ประชุมเห็นว่า ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทยมีมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชําระหนี้ของภาคเอกชน ทําให้คุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ด้อยลง อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงที่มากขึ้นยังไม่ถึงขั้นเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ เนื่องจากฐานะการเงินของระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็งจากเงินกองทุนและการกันสํารองที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับฐานะทางการเงินของภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี มีส่วนช่วยรองรับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนั้น ที่ประชุมประเมินว่า ความเสี่ยงจากการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (Search for yield) ต่อระบบการเงินยังมีจํากัด แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงรูปแบบใหม่ ๆ ภายใต้สภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ความผันผวนในตลาดการเงินไทยซึ่งได้รับผลจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในวงจํากัด
ที่ประชุมเห็นว่า ความเสี่ยงสําคัญที่ต้องติดตามในระยะต่อไป คือ ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับตัวของภาคเอกชน ตลอดจนกระทบต่อฐานะการเงินและความสามารถในการชําระหนี้ของภาคเอกชนมากขึ้น และอาจกลับมาส่งผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้านอกจากนี้ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจทําให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินเพิ่มขึ้นในอนาคต
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)