สมาคมผู้ค้าปลีกไทย-สมาคมศูนย์การค้าไทย-แบรนด์หรู แท็กทีมพบ "คลัง" ขอลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เล็งนำร่องสินค้ากลุ่ม "เครื่องสำอาง-น้ำหอม" ลุ้นปรับภาษีเหลือ 0% คาดเริ่มเทสต์ตลาด 2 สัปดาห์ช่วงต้นปีหน้า หวังแข่งขันกับตลาดต่างประเทศที่มีราคาต่ำกว่า มั่นใจดึงนักท่องเที่ยว-นักช็อปจับจ่ายคึกคัก ด้านค่ายยักษ์เครื่องสำอาง "ชิเซโด้" หนุนรับตลาดโต
หลังจากเรียกร้องมานานกับการขอปรับลดโครงสร้างภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์หรูเพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ล่าสุดได้มีความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญเกิดขึ้น เมื่อกระทรวงการคลังมีทีท่าตอบรับข้อเสนอของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย-สมาคมศูนย์การค้าไทย-แบรนด์สินค้าหรู เปิดทางให้นำร่องเทสต์ตลาดในโครงสร้างภาษีใหม่เป็นการชั่วคราวใน 2 กลุ่มสินค้า คือ เครื่องสำอางและน้ำหอม ในช่วงเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ 2560
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าภาษีที่ลดลงจะมีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และผู้บริโภคคนไทยหรือไม่ หลังจากที่ผ่านมาสินค้าที่จำหน่ายในไทยจะมีราคาสูงกว่าต่างประเทศ เนื่องจากภาษีที่สูงกว่า
รื้อภาษี 25-40%
ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวกับ"ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การเริ่มต้นในกลุ่มเครื่องสำอางและน้ำหอมจะเป็นการทดลองตลาดและให้เห็นถึงความชัดเจนของการลดภาษี โดยจะเทสต์ตลาดในบางแคทิกอรี่ก่อนที่จะมาพูดคุยกันถึงการขยับขยายไปยังสินค้าแบรนด์หรูกลุ่มอื่น ๆ ต่อไปได้หรือไม่
ทั้งนี้ ตอนแรกวางไว้ว่าจะให้ทันเดือนตุลาคม แต่กระบวนการกระชั้นชิดไปทำให้กระบวนการทำงานอาจไม่ทัน เนื่องจากมีขั้นตอนต้องผ่าน ครม.พิจารณาและอนุมัติเห็นชอบ ต้องใช้เวลานานกว่า 4 เดือน ทางสมาคมและพาร์ตเนอร์จึงทำหนังสือไปยังกระทรวงการคลัง ขอเลื่อนไปเป็นช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีหน้า
"การทดลองให้เทสต์ตลาด 2 สัปดาห์ ในแง่ซัพพลายเออร์ เขาก็ไม่ค่อยอยากทำ แต่เราก็มาคุยกัน มาขอความร่วมมือกันว่าให้ลองทำกันดู เพราะเราเรียกร้องมานาน ได้ 2 สัปดาห์ก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย เพราะครั้งนี้จะได้ทำให้เห็นถึงความชัดเจนของโครงสร้างภาษีว่ามีผลต่อโครงสร้างการแข่งขันราคาและการตัดสินใจซื้อของนักท่องเที่ยวและลูกค้าคนไทยที่ขนเงินออกไปช็อปปิ้งปีละกว่า5 หมื่นล้าน"
ปัจจุบันโครงสร้างภาษีนำเข้าเครื่องสำอางและน้ำหอมมีความหลากหลายมากกว่า 1 พันพิกัด/ไอเท็ม ฐานภาษีอยู่ระหว่าง 25-40% ซึ่งการขอปรับลดโครงสร้างภาษีจะเป็น 0% หรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยขั้นตอนการปรับลดภาษีจะผ่านรูปแบบประกาศปรับลดอัตราภาษีชั่วคราว
"ห้างสรรพสินค้า" โตต่ำสุด
ดร.ฉัตรชัยขยายความว่า มาตรการลดภาษีนำเข้าสินค้าหรูจะเข้ามากระตุ้นภาพรวมค้าปลีกและการท่องเที่ยวได้อย่างมาก ทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวที่โครงสร้างราคาจะไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ มากนัก รวมถึงลูกค้าคนไทยซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจระบุว่า แต่ละปีคนไทยใช้จ่ายเงินในต่างประเทศมากกว่า 1.7 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการใช้จ่ายไปกับการซื้อสินค้าหรูมากถึง 5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรก การเติบโตของธุรกิจค้าปลีกขยายตัวได้เพียง 2.6-2.7% และกลุ่มห้างสรรพสินค้ามีอัตราเติบโตต่ำที่สุดเพียง 1-2% เมื่อเทียบปีก่อน ๆ หน้านี้ที่สามารถขยายตัวได้มากกว่า 3.5-8% ขณะที่กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตเติบโตสูงสุด 8% ตามด้วยคอนวีเนียนสโตร์ 3% และไฮเปอร์มาร์เก็ต 2%
สอดคล้องกับนโยบายเปิดเสรีร้านค้าปลอดภาษี ซึ่งเป็นนโยบายที่กลุ่มค้าปลีกร่วมกันผลักดันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ไทยเป็นช็อปปิ้ง เดสทิเนชั่นของการท่องเที่ยวเชิงช็อปปิ้ง ด้วยการเปิดเสรีร้านค้าปลอดภาษี โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนร้านค้าปลอดภาษีในเมืองให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในการซื้อสินค้าและยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้มีการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น
ปลุกทัวริสต์ 30 ล้านคน
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมศูนย์การค้าไทย ขยายความว่า นักท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทั้งเศรษฐกิจประเทศและธุรกิจค้าปลีก โดยโครงสร้างราคาสินค้าแบรนด์หรู ถ้าใกล้เคียงกับต่างประเทศอย่างฮ่องกง หรือสิงคโปร์ ก็จะสามารถกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้อยากซื้อของ ซึ่งการเข้าไปพบกระทรวงการคลังของกลุ่มค้าปลีกเพื่อร่วมกันกระตุ้นการจับจ่าย โดยเฉพาะถ้าโครงสร้างราคาที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งคาดว่าจะเห็นมาตรการลดภาษีนำเข้าในช่วงต้นปีหน้า
"กระตุ้นทัวริสต์ด้วยการออกภาษีนำเข้าชั่วคราวในกลุ่มสินค้าแบรนด์หรูเพื่อเป็นการเทสต์ตลาด แต่อยากให้ทำเป็นระยะยาวและถาวร เพราะในมุมผู้ประกอบการถ้าทำเป็นช่วงสั้น ๆ จะบริหารจัดการยากทำตลาดยาก เพราะบริษัทแม่เองอาจเกรงว่าจะกระทบกับอิมเมจ ถ้าราคามันขึ้น ๆ ลง ๆ"
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยมากขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะเข้ามามากถึง 30 ล้านคน ทำให้รายได้จากภาคอุตฯท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20%
ค่าย "ชิเซโด้" ชี้ปลุกตลาด
นางวริศรา ไพรสานฑ์กุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ชิเซโด้ ประเทศไทย จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากการที่สมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้หารือกับกระทรวงการคลัง เสนอมาตรการลดภาษีนำเข้าเครื่องสำอางนั้น คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถบอกเงื่อนไขและรายละเอียดของโครงการเนื่องจากยังไม่สรุปแน่ชัด รวมทั้งรายละเอียดที่ต้องมาดูให้รอบคอบ อาทิ สินค้าที่จะได้รับการลดภาษีนั้นต้องเป็นการสั่งลอตใหม่เท่านั้น ไม่นับรวมลอตเก่าที่สั่งเข้ามาแล้ว
รวมถึงช่องทางการจำหน่ายก็คงจะมีการพิจารณาอีกที เพราะคงไม่สามารถกระจายในช่องทางรีเทลได้ทั้งหมดทั่วประเทศ เนื่องจากยังมีสต๊อกเก่าที่ยังเป็นอัตราภาษีเดิมรวมอยู่ด้วย จึงอาจจะต้องมีการสโคปพื้นที่ขายอีกครั้ง เช่น เฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือไม่ โดยบริษัทจะเลือกแบรนด์ที่เข้าร่วมตามความเหมาะสม ไม่ได้เข้าร่วมทุกแบรนด์
ที่มา: prachachat