โครงการ “National e-Payment” เป็นฟันเฟืองใหญ่สำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจแบบ Digital Economy ความสำคัญของโครงการนี้สัมพันธ์กับการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ “Value Base Economy” หรือ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” นั่นเอง

        สำหรับบทบาทของกรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญในการผลักดันโครงการ National e-Payment มีดังต่อไปนี้

        โครงการที่ 1 ระบบการชำระเงินแบบ Any ID หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ PromptPay ซึ่งโครงการดังกล่าวรองรับระบบการโอนเงินหรือชำระเงินระหว่างธนาคาร มีการเปลี่ยนแปลงจากที่ใช้หมายเลขบัญชีธนาคารมาเป็นการใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ

        โครงการที่ 2 สนับสนุนการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ทดแทนการใช้เงินสด โดยปัจจุบันได้มีมติคณะรัฐมนตรียกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในอุปกรณ์รับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์

        โครงการที่ 3 ระบบภาษีและเอกสารธรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยพัฒนาระบบการจัดทำและการนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความสะดวกทั้งยังเป็นการลดขั้นตอนการจัดทำและนำส่งรายงาน ทำให้ประหยัดทรัพยากรและประหยัดเวลายิ่งขึ้น

        โครงการที่ 4 National e-Payment ภาครัฐ ซึ่งจะทำการพัฒนาระบบฐานข้อมูลต่อไปให้ภาครัฐสามารถจ่ายเงินสวัสดิการของรัฐต่างๆ ผ่านระบบ National e-Payment

        กุญแจสำคัญของระบบ National e-Payment จะมั่นคงยั่งยืนและได้รับความร่วมมือจากประชาชน National e-Payment ต้องเดินหน้าไปพร้อมกับ Value Base Economy เพราะกลไกของทั้งสองสิ่งนี้ทำงานส่งเสริมกันดังนั้นการพัฒนาเชิงระบบและการพัฒนาเชิงโครงสร้างจึงควรสอดรับกันให้ลงตัว เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศไทยก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางและกลับมาเติบโตอีกครั้ง...อย่างยั่งยืน

ที่มา : บริษัท ฝึกอบรมและสัมมนาธรรมนิติ จำกัด