ช่วงนี้เป็นฤดูกาลยื่นภาษีประจำปี ซึ่งแน่นนอนว่ามีทั้งคนทีเสียเพิ่ม และคนที่จะได้เงินคืน เพราะจ่ายไว้เกินรวมถึงมีสิทธิในการลดหย่อนต่างๆ
อย่างไรก็ตามในปีนี้ต่างจากปีที่ผ่านๆมา เพราะ หากใครผูกบัญชีกับระบบ "พร้อมเพย์" ก็จะได้รับเงินคืนในสามวัน แต่หากไม่และรอรับเช็คอย่างเดิมกลับจะต้องรอถึง 45 วัน
คำถามคือเกิดอะไรขึ้น เพราะแต่เดิมนั้นระบบการคืนเงินภาษีผ่านการรับเช็คจะใช้เวลาเพียงสัปดาห์ถึงสองสัปดาห์เท่านั้น และแน่นนอกับคำถามที่ว่า เป็นความจงใจทำให้ล่าช้า เพื่อ "บีบ" ให้ประชาชนเข้าร่วมระบบ "พร้อมเพย์" ที่รัฐพยายามผลักดันให้เกิดจริงหรือไม่
ทีมข่าวเราจึงสอบถามไปที่ "สายด่วนภาษี 1161" ก็ได้รับคำชี้แจงว่า แต่เดิมนั้น เมื่อผู้ยื่นแบบแสดงภาษี ประสงค์ที่จะได้รับภาษีคืน กรมสรรพากรก็จะนำไปพิจารณา หากถูกต้องเข้าเกณฑ์ก็จะอนุมัติ และเมื่ออนุมัติก็จะส่งให้ธนาคารจัดทำเช็ค เพื่อส่งจดหมายแบบอีเอ็มเอสไปยังผู้ขอคืนภาษี
หากในปีนี้ต่างออกไป เพราะเมื่ออนุมัติแล้ว จะยังไม่ส่งเรื่องไปออกเช็ค แต่ระบบจะตรวจสอบว่าผู้ที่ประสงค์ขอคืนภาษี มีบัญชีพร้อมเพย์หรือไม่ หากมี ก็จะโอนเงินคืนให้ทันที
แต่ถ้าไม่มี ระบบก็ยังจะไม่แจ้งเรื่องไปยังธนาคารเพื่อให้ทำเช็ค และจะรอตรวจสอบภายในสามสิบวันว่ามีการลงทะเบียนพร้อมเพย์ หรือไม่ หากครบสามสิบวันแล้วยังไม่มี เรื่องจึงจะเดินหน้าไปสู่ขั้นตอนการจัดทำเช็ค
เรียกได้ว่ารอจนแน่ใจว่าไม่มีแน่ๆ ไม่ทำแน่ๆ ถึงจะ "ตีเช็ค" ให้
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงขั้นตอนนี้ "คอลล์เซ็นเตอร์" ได้บอกกับเราว่า แต่แม้จะยื่นแบบแสดงภาษีและแสดงความประสงค์ขอคืนเงินไปแล้ว ก็ยังสามารถสมัครพร้อมเพย์ได้ และภายในสามสิบวันหลังจากขอคืนภาษี หากรบบตรวจพบก็จะคืนเงินให้ทันทีเช่นกัน
เป็นการจูงใจให้ใครหลายต่อหลายคนหันกลับมาผูกบัญชีพร้อมเพย์ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อเห็นตัวเงินอยู่ตรงหน้า และมีความจำเป็นต้องใช้จ่าย ก็เริ่มตัดสินใจหันกลับมาเข้าสู่ระบบที่รัฐต้องการ
นอกจากนี้รัฐยังเพิ่มความล่าช้าเข้าสู่ระบบการคืนภาษีที่ไม่ผ่านพร้อมเพย์อีกเล็กน้อย โดยการจัดส่งเช็คนั้นจะไม่ส่งทางระบบอีเอ็มเอส อีกต่อไป มีเพียงการส่งไปรษณีย์แบบปกติ ดังนั้นจึงเป็นที่มาว่า หลังจากครบ 30 วัน จึงต้องรออีกประมาณ 15 วัน หรือ 2 สัปดาห์ว่าที่เจ้าของภาษีจะได้เงินคืน
นี่จึงเป็นคำถามใหญ่ว่า การ “เอื้อ” ต่อพร้อมเพย์ และทำให้ระบบเดิมลำบากมากยิ่งขึ้น เป็นการกระทำเพื่อเป้าประสงค์อะไรหรือไม่
แม้ "สมชาย แสงรัตนมณีเดช" รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร จะปฏิเสธว่ากรมสรรพากรไม่ได้บังคับหากยังไม่ลงทะเบียนผ่านพร้อมเพย์ หรือคนยังไม่ต้องการใช้พร้อมเพย์กรมจะคืนภาษีให้ทางเช็คเหมือนปีที่ผ่านมา
แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าการคืนภาษีผ่านระบบเช็คช้ากว่าพร้อมเพย์
นี่เองจึงเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตว่า "รัฐ" มีเจตนาอะไร และมีหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า จะทำให้ง่ายและร่นระยะเวลากว่าไหมหากทำช่องให้เลือกว่าจะรับคืนเป็นเช็คหรือระบบพร้อมเพย์ หากเป็นอย่างนั้่นก็จะตัดเวลาการตรวจสอบไปถึง 30 วัน
เงินก็จะถึงมือเจ้าของภาษีเร็วขึ้่น
แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลกที่หลายคนจะตั้งแง่ โดยเฉพาะกับรัฐว่าทำไมต้องบีบ กันเช่นนี้ และหลายคนก็ปฏิเสธที่จะเข้าสู่ระบบ "พร้อมเพย์" ด้วยเหตุผลเช่นนี้
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ