จากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ.2593 และการปล่อนก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2608 กระทรวงพลังงานจึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และกำหนดมาตรการผลประโยชน์ทางภาษี เพื่อจูงใจประชาชนให้ประหยัดพลังงานและร่วมกันใช้พลังงานทดแทนตามเจตนารมณ์ประเทศ

     มาตรการอนุรักษ์พลังงานเพื่อการลดหย่อนภาษี
     1. มาตรการเปลี่ยนเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง
     เป็นมาตรการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงและอนุรักษ์พลังงานของผู้ประกอบการ ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของมาตรการนี้จึงเป็น 1. ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 40 (5) ถึง (8) และ 2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งผลประโยชน์ทางภาษี 1.5 เท่าของรายจ่ายจริง จากการลงทุนในวัสดุเครื่องจักรอุปกรณ์ที่อยู่ในประเทศไทย ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน และต้องมีฉลากรับรองการประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง หรือมีการรับรองประสิทธิภาพพลังงานระดับ 5 ดาวจากกระทรวงพลังงาน อีกทั้งมีหลักฐานใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จากกรมสรรพากร โดยมาตรการนี้มีผลบังคับใชัถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2571

     2. มาตรการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า Solar Rooftop
     เป็นมาตรการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสำหรับเฉพาะบ้านอยู่อาศัย (ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1) ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของมาตรการนี้จึงเป็นผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาตรา 40 (1) ถืง (8) ไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล และมีผลประโยชน์ทางภาษีจากค่าใช้จ่ายที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มได้สูงถึง 200,000 บาท ซึ่งต้องเป็นค่าใช้จ่าย Solar Rooftop ที่ติดตั้งเป็นระบบ On-grid และมีกำลังการผลิตไม่เกิน 10 กิโลวัตต์สูงสุด (kWp) ต่อหลัง ซึ่งชื่อผู้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีต้องตรงกับชื่อเจ้าของมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านอยู่อาศัย จำกัดสิทธิการลดหย่อนภาษี 1 บุคคล ต่อ 1 มิเตอร์ ต่อ 1 ระบบ และต้องมีหลักฐานในกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จากกรมสรรพากร โดยมาตรการนี้มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2570

    อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อประกาศในราชกิจานุเบกษาต่อไป

ขอบคุณที่มา
กรมประชาสัมพันธ์ : ครม.อนุมัติ 2 มาตรการอนุรักษ์พลังงานหักลดหย่อนภาษี