นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค.กำลังรอข้อมูลการตรวจสอบบริษัทเอกชนที่ยื่นเสนอขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจ ในมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เบื้องต้นมีผู้ผ่านการเห็นชอบ มาแล้ว 3 ราย และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอีก 4 ราย คาดว่านายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง จะลงนามและมอบใบอนุญาต 3 รายแรกได้ภายในเดือน มี.ค.
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง คาดว่าบริษัทที่ยื่นขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจ จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีทุนในการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมาก ซึ่งตามเป้าหมายที่ต้องการให้บริษัทขนาดกลางหรือเล็ก เข้าร่วมปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเชื่อว่าเมื่อทั้ง 7 รายเริ่มปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อย จะช่วยกระตุ้นให้มีผู้เข้ามายื่นขอปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น คาดว่าปี 58 การปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เข้าสู่ระบบเพิ่มเติมให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย รายละไม่เกิน 100,000 บาท รวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ สามารถช่วยเหลือผู้ไม่สามารถเข้าถึงการกู้เงินในระบบได้
“ยืนยันว่าการปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ จะไม่เป็นปัญหาให้กับภาคการคลัง เนื่องจาก เป็นการปล่อยกู้จากทุนของเอกชนเอง ที่ต้องไปบริหารความเสี่ยงกับลูกหนี้ ขณะที่ ธปท.ในฐานะหน่วยงานกำกับตรวจสอบ ก็จะติดตามข้อมูลเป็นรายเดือน ทั้งจำนวนผู้ที่เข้ารับสินเชื่อ ยอดการปล่อยสินเชื่อ การชำระหนี้ และสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร แต่หากรายที่มีปัญหาคลังก็พร้อมที่จะยกเลิกใบอนุญาตได้ทันที”
อย่างไรก็ตาม สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เป็นการร่วมมือระหว่าง กระทรวงการคลังและธปท. เพื่อต้องการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยอนุญาตให้นิติบุคคลประเภทใหม่ในระบบสถาบันการเงินไทย สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบอาชีพรายย่อย และกำหนดแนวทางการประกอบธุรกิจสินเชื่อดังกล่าวให้มีความเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค และแก้ไขปัญหาภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมนอกระบบที่สูงจนเกินควร ที่กำหนดอัตรารวมสูงสุดของดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมที่ผู้ประกอบธุรกิจอาจเรียกเก็บรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 36% ต่อปี
ที่มา : เดลินิวส์