นายสรัญ รังคศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท.กล่าวว่า โครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมีในเวียดนามทางปตท.ได้เสนอผลการศึกษาเบื้องต้นแก่รัฐบาลเวียดนามแล้ว โดยทางเวียดนามได้ให้ กลุ่มปตท.จัดหาพันธมิตรท้องถิ่นเข้าร่วมทุนเองในสัดส่วนร้อยละ20 ประกอบกับที่ล่าสุดจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงและพันธมิตรในโครงการนี้คือซาอุดิอรามโก้บริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดิอาระเบียที่จะลงทุนร่วมกันในเวียดนามในสัดส่วนเท่ากับ ปตท.คือร้อยละ 40 ชนะการประมูลปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันในอินโดนีเซีย3 ใน 5 โรงกลั่น อาจจะส่งผลให้โครงการในเวียดนามล่าช้าออกไป
ขณะที่.กลุ่ม ปตท.ไม่ได้รับจากเปอร์ตามิน่าบริษัทน้ำมันแห่งชาติอินโดนีเซียให้ปรับปรุงโรงกลั่นบาลองกันเพื่อจะได้นำวัตถุดิบมาใช้ในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่พีทีทีจีซีร่วมทุนกับเปอร์ตามิน่าซึ่งอาจะทำให้โครงการนี้ล่าช้าหรือไม่นั้นก็ต้องดูภาพรวมและนโยบายของซาอุดิอรามโก้ที่ได้รับการคัดเลือกปรับปรุงโรงกลั่นบาลองกันด้วย
“แผน 5 ปีของกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลายที่ระดับ 250,000 ล้านบาทแม้จะเน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก แต่ก็ยังมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของPTTGที่กำลังมองโอกาสการลงทุนอีเทนแครกเกอร์ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยใช้ shale gas เป็นวัตถุดิบ”นายสรัญกล่าว
ส่วนที่ประชุมผู้ถือหุ้นบมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอลหรือพีทีทีจีซี นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ประธานกรรมการระบุว่า บริษัทมีการทำประมาณการผลการดำเนินงานในช่วงตั้งแต่ปีนี้ถึง 5 ปีข้างหน้า โดยคาดราคาน้ำมันดิบในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หลังยังมีกำลังการผลิตมากกว่าความต้องการใช้ และราคาน้ำมันในช่วงปี 2559-2562 ค่อย ๆ ปรับขึ้นมาอยู่ที่กว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลโดยใน 5 ปีราคาน้ำมันไม่น่าจะกลับไปยืนที่ระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล. น่าจะอยู่ระดับ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จึงคิดว่าผลประกอบการบริษัทน้ำมันหรือบริษัทปิโตรเคมีจะอยู่ในฐานะที่พลิกฟื้นกลับมาได้เพราะเป็นช่วงราคาน้ำมันขาขึ้น
ที่มา : สำนักข่าวไทย , TnewsOnline