กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการขายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง วงเงิน 4,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี ของปีงบประมาณ 58 ที่เปิดขายมาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.57 - 31 มี.ค.58 เพื่อขายให้กับรายย่อย ผ่านธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย 4 แห่ง มียอดขายประมาณ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับประชาชนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้กำลังในการออมเงินลดลง
ทั้งนี้ การขายพันธบัตรออมทรัพย์ไม่หมดตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 4,000 ล้านบาท ไม่ได้ส่งผลกระทบกับแผนการกู้เงินของรัฐบาล เพราะเป็นมาตรการเสริมเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และต้องการให้มีการออกพันธบัตรออมทรัพย์ให้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ประชาชนซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ได้ง่ายขึ้นผ่านทางตู้เอทีเอ็มได้อีกช่องทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปีที่ผ่านมากระทรวงการคลั งได้ออกพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นพิเศษสุขกันเถอะเรา วงเงิน 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กระทรวงการคลัง 50,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 50,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการระดมทุนภายในประเทศเพื่อลงทุนในโครงการต่างๆรวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล สามารถขายได้เพียง 50,000 ล้านบาท หรือ 50% เท่านั้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนไม่จูงใจรายย่อย และมีการออกจำหน่วยวงเงินมากเกินไป
ขณะเดียวกัน ภายหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ทำให้กระทรวงการคลังต้องพิจารณากู้เงินใหม่ซึ่งมีต้นทุนต่ำ ไปชำระหนี้เก่าที่มีต้นทุนสูงกว่า เพื่อเป็นการประหยัดเงินงบประมาณ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง กำลังขอให้สำนักงานประมาณจัดสรรงบประมาณปี 59 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ในส่วนของการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้เพียงพอ โดยเฉพาะการชำระเงินต้นไม่ควรต่ำกว่า 3% ของหนี้ทั้งหมด เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลัง หลังจากงบประมาณปี 58 ตั้งงบประมาณชำระเงินต้นไม่ถึง 3% ของหนี้ทั้งหมด
ที่มา : เดลินิวส์