นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยและภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในช่วงต้นปี 2558 ถือว่ายังเติบโตไม่ฟู่ฟ่าเท่าไรนัก แต่ก็มีสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัว โดยโครงการที่เปิดตัวใหม่มากที่สุด คาดว่าจะเป็นกลุ่มคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะโครงการตามแนวรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยายเส้นทางต่างๆ รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด

          “ขณะนี้สถานการณ์ภายในประเทศไทยถือว่าสงบ ไม่มีปัญหาทางการเมืองที่ระอุอย่างในช่วงปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในด้านการลงทุนของกลุ่มนักพัฒนา ที่เริ่มเห็นทิศทางนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในส่วนของผู้บริโภคก็จะมีโอกาสหาที่อยู่อาศัยในรอบนอกเมืองมากขึ้น ไม่ต้องไปกระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองที่นับวันจะแออัดเพิ่มขึ้น”

          นายโสภณกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่บริษัท ได้เก็บและวิเคราะห์ผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดจาก 26 จังหวัด ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด พบว่า ที่อยู่อาศัยที่มีราคาเฉลี่ยสูงสุดคือ อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีราคา 4.483 ล้านบาทต่อหน่วย (เป็นราคาเฉลี่ยบ้านและห้องชุด) รองลงมาเป็น อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต มีราคา 3.507 ล้านบาท ส่วนจังหวัดที่มีราคาขายต่ำสุดคือ จังหวัดชลบุรี ขายในราคา 1.616 ล้านบาท

          สำหรับจังหวัดที่มีการเปิดตัวโครงการสูงสุดคือ ที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี เปิดตัวอยู่ 6,094 หน่วย จากทั้งหมด 38,124 หน่วย หรือ 16% รวมมูลค่า 11,382 ล้านบาท จาก 26 จังหวัดที่ออกสำรวจที่มีมูลค่ารวม 108,196 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา จ.ชลบุรียังมียอดขายโครงการสูงสุดขายได้ 3,913 หน่วย จากทั้งหมด 46,296 หน่วย หรือ 8.4% จังหวัดที่สามารถขายได้มูลค่าสูงสุดคือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขายได้ 11,382 ล้านบาท หรือ 24.5% จากหน่วยขายเพียง 2,925 หน่วย เป็นเพราะหน่วยขายมีมูลค่าสูงถึง 3.89 ล้านบาทต่อหน่วย

          ในส่วนของจังหวัดที่มีทิศทางที่แย่ หรือเปิดตัวโครงการน้อย คือ อ.มาบตาพุต จ.ระยอง, อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ไม่มีโครงการเปิดใหม่เลย นอกจากนี้ สิ่งที่น่าแปลกใจในการออกสำรวจเก็บข้อมูลในครั้งนี้คือ ในเขตพื้นที่ อ.ชะอำ สามารถขายได้เพียง 393 หน่วย แต่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2557 ถึง 1,077 หน่วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะล้นตลาดในพื้นที่นี้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดยังพอไปได้ ในแง่จำนวนหน่วยที่เหลือขายอยู่ คาดว่าจะขายหมดเพียง 6 เดือนเท่านั้น ขณะที่สินค้าในกรุงเทพฯจะต้องใช้เวลาขายเกินกว่า 1 ปี ซึ่งแสดงถึงการขายที่ค่อนข้างอืด

          นอกจากนี้ ราคาที่ดินปี 2557 ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ผ่านมาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าสิ้นปี 2558 นี้จะเพิ่มขึ้นอีก 3% โดยราคาที่ดินใกล้แนวรถไฟฟ้าคาดว่าจะปรับเพิ่ม 10% โซนพื้นที่ที่มีราคาที่ดินสูงคือ สยาม ชิดลม และเพลินจิต ซึ่งคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 12% จากการประเมินราคาอยู่ที่ 1.75 ล้านบาทต่อตารางวา.

ที่มา : ไทยรัฐฉบับพิมพ์