นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมจะทำเรื่องเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขอ ครม.ให้เห็นชอบปิดโครงการรถคันแรก ที่ดำเนินการมาตั้งปี 55 เพื่อเป็นการประหยัดเงินงบประมาณและภาระของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากขณะนี้ยังมีผู้จองรถอีกประมาณ 100,000 คันที่ได้สิทธิ แต่ยังไม่มารับรถตามที่ได้จองไว้ โดยจะกำหนดให้ต้องมารับรถภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้เท่านั้น
"ที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตได้ประสานกับค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ให้ออกแบบสำรวจสอบถามไปยังผู้ที่ได้รับสิทธิดังกล่าว ปรากฎว่ามีผู้ตอบกลับมาว่าจะใช้สิทธิจำนวนไม่มาก นอกจากนี้การรับมอบรถของผู้ที่ได้สิทธิดังกล่าวน้อยมาก เดือนที่ผ่านมามีผู้มารับรถ 1-2 คันเท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตคาดว่าผู้ที่ได้รับสิทธิส่วนใหญ่คงไม่มารับรถแล้ว เนื่องจากในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา มีรถยนต์นรุ่นใหม่ๆ ออกมาจำนวนมาก ทำให้ผู้ที่จองไว้อาจเปลี่ยนใจซื้อรถรุ่นใหม่ไปแล้ว ขณะเดียวกันยังพบว่าบุคคลหนึ่งจองใช้สิทธิรถคันแรกมากกว่า 1 คัน ทำให้มียอดการจองรถเกินกว่าที่ซื้อขายส่งมอบกันจริงอยู่จำนวนมาก
รูปภาพจาก : AECNEWS
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้เสนอหลักการดังกล่าวให้กับกระทรวงการคลังรับทราบและเห็นด้วยกับการดำเนินการครั้งนี้ เพราะเป็นการประหยัดเงินงบประมาณ เหลือแต่ทำเรื่องเสนอให้ ครม. เห็นชอบเท่านั้น ซึ่งปีงบมาณ 59 คาดว่ากรมต้องของบเพื่อจ่ายปิดโครงการรถคันแรกประมาณ 1-2 ล้านบาทเท่านั้น เพราะขณะนี้มีรถที่ถือครองครบ 1 ปี และได้เงินคืนเท่ากับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ต้องเสียแต่ไม่เกิน 100,000 บาท เดือนละประมาณ 100 คันเท่านั้น
สำหรับข้อเสนอให้แก้ไขเงื่อนไขรถยนต์คันแรกจากที่ต้องถือครองให้ครบ 5 ปี ถึงจะเปลี่ยนผู้ครอบครองได้ ให้มาเป็น 3 ปี ทางกรมสรรพสามิตยังไม่ได้รับนโยบายให้ศึกษาเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้โครงการรถยนต์คันแรกมีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 1.2 ล้านคัน ใช้สิทธิไปแล้ว 1.1 ล้านคัน “
ที่มา : เดลินิวส์