นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุตามนโยบายรัฐบาลในการดูแลสังคมผู้สูงอายุ กรมสรรพากรเตรียมเสนอมาตรการภาษีสนับสนุนการจ้างงานของภาคเอกชนให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว คาดว่า จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเร็วๆ นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปีภาษี 2559 ทันที เพื่อต้องการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมทำ เพราะบางคนยังแข็งแรงและมีความเชี่ยวชาญในสายงานที่ทำงานมาตลอด หรือกิจกรรมอื่นที่มีความจำเป็น

      ทั้งนี้ กรมสรรพากรกำหนดให้บริษัทเอกชนที่จ้างงานผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป บริษัทเอกชนสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า แต่ไม่เกิน 10% ของจำนวนลูกจ้างแรงงานทั้งหมด และกำหนดเงินเดือนผู้สูงอายุไม่เกินคนละ 15,000 บาท ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนว่าจ้างผู้สูงอายุทำงานมากขึ้น ส่วนการกำหนดเพดานรายได้ของผู้สูงอายุไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน เพราะผู้สูงอายุบางคนมีเงินสะสมจำนวนมากแล้ว จึงต้องการเปิดทางให้กับผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในการเลี้ยงชีพ ซึ่งคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้มากนัก

      นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ขณะนี้ สศค.กำลังศึกษาออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอให้ รมว.คลังพิจารณาในเร็วๆ นี้ก่อนที่จะให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเพื่อผลักดันออกเป็นมาตรการต่อไป โดยมาตรการดังกล่าว จะออกแพ็กเกจมีทั้งหมด 4 เรื่องที่สำคัญคือ 1.การตั้งกองทุนบำนาญแห่งชาติ (กบช.) 2.มาตรการสนับสนุนเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป 3.การจ้างผู้สูงอายุทำงาน และ 4.การปล่อยสินเชื่อ Reverse Mortgage หรือการปล่อยสินเชื่อบ้านให้ผู้สูงอายุ โดย สศค.เชื่อมั่นว่า ทั้ง 4 มาตรการจะทำให้ผู้สูงอายุมีความมั่นคงมากขึ้น.

ที่มา: thairath