พระราชกำหนด ยกเว้นโทษสำหรับ SME ที่เข้าโครงการบัญชีเดียว
พระราชกำหนด ยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558 กำหนดยกเว้นการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากรสำหรับรายได้เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันเริ่มต้นก่อน 1 มกราคม 2559 หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นก่อน วันที่ 1 มกราคม 2559 แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ซึ่งเกิดในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาและมีกำหนดครบ 12 เดือน โดยวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม 2558
โดยผู้ได้รับการยกเว้นต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังนี้
1. จดแจ้งต่อกรมสรรพากรว่าเป็นผู้ได้รับยกเว้นตามพระราชกำหนดนี้ ตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
2. ยื่นรายการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล พร้อมชำระภาษีสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลาในการยื่นรายการ ในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
3. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีธุรกิจเฉพาะ (ถ้ามีหน้าที่)
4. ยื่นแบบขอเสียอากรเป็นตัวเงิน สำหรับตราสารที่กำหนดให้ชำระเป็นตัวเงิน
5. จัดทำบัญชีและงบการเงินตามจริงตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
6. ไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากร นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2559
ทั้งนี้ การยกเว้นจะไม่ใช้บังคับแก่นิติบุคคลในกรณีดังต่อไปนี้
1. อยู่ในระหว่างการตรวจสอบภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรโดยมีหมายเรียกที่ออกก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559
2. อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมิน
3. เป็นผู้ออกหรือใช้ใบกำกับภาษีปลอม
4. อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน
ในกรณีที่ ยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากร เกี่ยวกับรายได้ มูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือ การกระทำตราสารที่ได้รับยกเว้น เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจดังนี้ 1) ตรวจสอบภาษีอากรที่ขอคืน 2) ออกหมายเรียกเพื่อตรวจสอบภาษีอากรที่ขอคืน 3) ไต่สวนประเมิน และ 4) สั่งให้เสียภาษีอากร
หากนิติบุคคลผู้ได้รับการยกเว้นถูกเพิกถอนการได้รับยกเว้น และจะถือว่านิติบุคคลนั้นไม่เคยได้รับการยกเว้นใดๆ โดยเจ้าพนักงานมีอำนาจในการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และดำเนินความผิดอาญาเกี่ยวกับรายได้ มูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือ การกระทำตราสารได้ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อใช้บัญชีและงบการเงินที่นิติบุคคลดังกล่าวแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562
พระราชกำหนดฉบับนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
ที่มา: ราชกิจจานุเบกษา
ยกเว้นและลดอัตราภาษีสำหรับ SME ที่เข้าโครงการบัญชีเดียว
พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 กำหนดยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของนิติบุคคลประเภท SME ที่ได้จัดตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 ซึ่งมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการไม่เกิน 30 ล้านบาทและได้จดแจ้งเป็นผู้ประกอบการตามกฎหมายว่าด้วยการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากร โดยไม่ถูกเพิกถอนจากการได้รับยกเว้นดังกล่าว จะได้รับการยกเว้นและลดอัตราภาษีดังนี้
1. ยกเว้นภาษีจากกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2559
2. ยกเว้นภาษีจากกำไรสุทธิ 300,000 บาทแรก สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2560 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2560 กำไรสุทธิส่วนที่เกิน 300,000 บาท เก็บภาษีในอัตราร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ
พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
ที่มา: ราชกิจจานุเบกษา
คำชี้แจงกรมสรรพากร กรณี SME ที่เข้าโครงการบัญชีเดียว
กรมสรรพากรได้ออกคำชี้แจง และสรุปคำชี้แจง เรื่อง การยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ตามกฎหมายว่าด้วยการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
ที่มา : กรมสรรพากร